วันจันทร์ที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

11. Australian Offroad


        

             

ประเทศออสเตรเลียเป็นประเทศที่เป็นทั้งทวีปที่มีพื้นที่กว้างใหญ่ไพศาลมาก และมีสภาพของเส้นทางและลักษณะภูมิประเทศที่แตกต่างกัน และบางบริเวณก็ไม่สามารถทำถนนได้ รวมทั้งการเข้าถึงสถานที่บางแห่งไม่สามารถเข้าถึงด้วยเส้นทางปกติ การใช้รถยนต์ประเภท 4x4 จึงเป็นยานพาหนะที่สามารถที่จะเข้าถึงบริเวณนั้น ๆได้ จึงได้รับความนิยมจากชาวออสซี่เป็นอย่างมาก และได้มีการฝึกแข่งขันทักษะการขับรถและการเดินทาง อยู่เนือง ๆ จากหลายส่วนของประเทศ และการแข่งขัน Offroad ระดับประเทศใหญ่ หลายรายการ และมีนักแข่งจากหลายประเทศเข้าร่วมแข่งขันเสมอ ๆ ....

 Australian Offroad Championship 


การแข่งขันครั้งแรกเริ่มในปี 1981  โดยจะทำการจัดสร้างสนามแข่งในแต่ละปี โดยการผสมผสานอุปสรรคของเส้นทางต่าง ๆ เลียนแบบเส้นทางที่เกิดขึ้นบ่อย ๆ ในเส้นทางธรรมชาติ เพื่อทดสอบทักษะการขับรถ ประเภท 4x4






 Australasian Safari 

การแข่งขัน Australasian Safari ระยะเวลาการแข่งขันเจ็ดวันมีระยะทางกว่า 4,000 กิโลเมตรจากเพิร์ทถึง Kalgoorlie มีนักแข่ง และยานพาหนะที่เข้าร่วมแข่งขันรายการนี้หลายประเภท คือ รถ 4WD มอเตอร์ไซค์และควอดไบท์ จากหลายประเทศเข้าร่วมรายการนี้ โดยการแข่งขันจะผ่านเขต Golden Outback ของรัฐออสเตรเลียตะวันตก  ( รายการแข่งขันนี้ลักษณะคล้ายกันกับ รายการ Paris - Dakka รายการแข่งรถแรลลี่หฤโหดที่มีชื่อเสียง )


            

 ARB Australia Offroad Racing Series 




        

 Western Australian Desert Racing 














        



ขอจบ Australia journey  เท่านี้ก่อนนะครับ ....ขอขอบคุณที่กรุณาติดตามจนจบทริปครับผม ...




อ่านต่อ " การเดินทางที่น่าประทับใจ...ไม่รู้ลืม  " ครับ...
http://anutjack.blogspot.com/2013/09/blog-post.html



10. Blue Mountains + La Perouse + Perisher Blue

 Blue Mountains 



Blue Mountains ห่างจากตัวเมืองซิดนีย์ไปทางใต้ราว 2 ชั่วโมง เป็นเทือกเขาป่าไม้สมบูรณ์ ในวันที่ไม่มีแสงแดด จะมองเห็นต้นไม้หนาทึบบนภูเขานั้นออกเป็นสีน้ำเงิน จึงเป็นที่มาของชื่อ ไดูถูกขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก  ยอดเขาหินทรายที่ผุกร่อนพวกนี้ ทับถมกันมาหลายพันปี ความสูงมากกว่า 900 เมตร ท่ามกลางหน้าผาต่างๆ  จุดชมวิวที่ดีที่สุดคือบริเวณ Echo Point มองออกไปทางเมืองคาทูมบา



เสาหิน Three Sisters ...ตามตำนานอะบอริจิน ในอดีตดินแดนแห่งนี้เป็นพื้นที่ของชนเผ่า Darug, Gundungurra, Wiradjuri และ Dharwal Aboriginal  ได้มีสามสาวพี่น้องแสนสวยชื่อว่า 'Meehni', 'Wimlah' และ ‘Gunnedoo' หนุ่มเผ่าอื่นๆต่างหลงสเน่ห์ในตัวนางทั้งสามและทั้งสามนางตกลงรับรักหนุ่มที่มาจากเผ่าอื่น แต่ตามกฏแล้วไม่อนุญาตให้แต่งงานกันข้ามเผ่า สามหนุ่มตัดสินใจลักพาตัวสามสาวทำให้เกิดการสู้รบครั้งใหญ่ ผู้เฒ่าหมอผีประจำเผ่าจึงสาปให้สามสาวกลายร่างเป็นหินเพื่อปกป้องพวกเธอ เพื่อไม่ให้ถูกชิงตัวไป


ผู้เฒ่าหมอผีตั้งใจจะถอนคำสาปให้พวกเธอหลังจากการสู้รบจบสิ้น แต่ก็มาถูกฆ่าตายเสียก่อน มีเพียงผู้เฒ่าหมอผีเท่านั้นที่สามารถถอนคำสาปให้หญิงสาวทั้งสามได้ สามพี่น้องจึงต้องกลายเป็นหินตลอดกาล และกลายเป็นสัญลักษณ์ของการสู้รบครั้งนั้นเป็นต้นมา

















 Lapelouse 

La Perouse ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของซิดนีย์ พื้นที่เป็นแหลมทางเหนือของอ่าวโบตา เป็นหนึ่งในไม่กี่เมืองในซิดนีย์ที่มีชื่อฝรั่งเศส ซึ่งในอดีตเป็นด่านทหารเก่า




La Perouse ถูกตั้งชื่อตามนักเดินเรือฝรั่งเศส ฌองฟรองซัวเดอ Galaup Comte de Laperouse (1741-1788) ซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินบนชายฝั่งทางตอนเหนือของอ่าวโบตา อาคารแรกในบริเวณนี้เป็นหอหินรอบที่สร้างขึ้นในปี 1820-1822 เป็นที่พักยามเล็ก ๆ ของทหารประจำการที่นั่นเพื่อป้องกันการลักลอบขนสินค้าและหอคอยยังคงยืนอยู่ในปัจจุบัน ส่วนเกาะเล็กๆ ได้ติดตั้งอาวุธปืนใหญ่ในปี 1912  เพื่อปกป้องแนวทางอ่าวโบตา ในกรณีที่มีการโจมตีทะเลในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ต่อมาได้ถูกใช้เป็นบ้านเกษียณอายุสำหรับทหารผ่านศึก

        


ในพิพิธภัณฑ์ La Perouse ได้จัดแสดงแผนที่เครื่องมือทางวิทยาศาสตร์และอุปกรณ์ของนักสำรวจชาวฝรั่งเศส  และมีการสร้างสะพานไม้เพื่อเชื่อมโยงเกาะกับพิพิธภัณฑ์ และหลังสงครามโลกครั้งที่สอง ได้ถูกปรับเปลี่ยนเป็นสถานีเคเบิ้ลสื่อสารโทรเลขของเรือดำน้ำระหว่างประเทศออสเตรเลียและเนลสันในประเทศนิวซีแลนด์ สายนี้ยังทำหน้าที่เป็นลิงค์แรกในการสื่อสารโทรเลขระหว่างนิวซีแลนด์และภูมิภาคอื่น ๆ ของโลก

                    

จากทัศนียภาพที่น่าสนใจ และสวยงาม บริเวณนี้ยังเคยเป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนต์ฉากสำคัญ MI 2 ( Mission Impossible 2 ) ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีอีกด้วย

    

               

 Parliament House 


รัฐสภาของออสเตรเลีย ตั้งอยู่ที่กรุงแคนเบอร์รา เมืองหลวงของออสเตรเลีย ตัวอาคารออกแบบโดยสถาปนิกชาวอิตาเลียน Romaldo Giurgola มียอดเสาธงสูง 81 เมตรใช้งบประมาณมากกว่า 1.1 พันล้านเหรียญสหรัฐ ภายในมีห้องประชุม และห้องพักกว่า 4,700 ห้อง เป็นอาคารรัฐสภาที่ี่แพงที่สุดในโลกเปิด 9 พฤษภาคม 1988 โดยพระราชินีอลิซาเบธที่ 2 แห่งอังกฤษ


 Perisher Blue 


Perisher Blue เป็นเทือกภูเขาหิมะ ตั้งอยู่ที่ Perisher Valley ซึ่งเป็นแหล่งเกิจกรรมสันทนาการต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับหิมะทีี่่ใหญ่ที่สุดของซีกโลกใต้ ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 12 ตารางกิโลเมตร  มีระดับความสูง 2,054 เมตร



      
   



อ่านต่อ " 11. Australian Offroad " ครับ...
http://anutjack4.blogspot.com/2014/07/11-australian-offroad.html



9. Taronga zoo Show

นอกจากจะมีสัตว์ท้องถิ่นออสเตรเลียแล้ว Taronga Zoo ยังจัดพื้นที่แสดงสัตว์ที่น่าสนใจพันธ์ต่าง ๆ อีก เช่น ...

 Gorilla 


กอริลลา ( Gorilla ) เป็นไพรเมต ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกที่ยังดำรงเผ่าพันธุ์มาจนถึงปัจจุบัน ( " ไพรเมท " เป็นอันดับของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนมที่มีวิวัฒนาการสูงสุดในบรรดาสิ่งมีชีวิตทั้งหมดบนโลก อันได้แก่ มนุษย์ , ลิง , และลิงไม่มีหาง รวมถึงสัตว์จำพวกลีเมอร์ ) ซึ่งมีความใกล้เคียงกับมนุษย์มากที่สุดรองจากชิมแปนซีและโบโนโบ โดยมีดีเอ็นเอที่ใกล้เคียงกับมนุษย์ถึงร้อยละ 95–99 มีถิ่นกำเนิดอยู่ในตอนกลางของทวีปแอฟริกา ทั้งที่เป็นที่ราบต่ำ และเป็นภูเขาสูงแถบเทือกเขาวีรูงกา ในคองโก และรวันดา

ก่อนปี ค.ศ. 1847 ชาวตะวันตกไม่รู้จักกอริลลาเลย เพราะคิดว่าเป็นเพียงสัตว์ในนิทานที่นักเดินเรือแห่งคาร์เทจชื่อ ฮานโน เคยบันทึกไว้เมื่อ 2,500 ปีก่อนว่า ได้พบเกาะที่มีคนป่าซึ่งส่วนมากเป็นผู้หญิง แต่มีขนเต็มตามตัว และล่ามที่เดินทางไปด้วยเรียก "กอริลเล" 

เมื่อถึงปี ค.ศ. 1625 นักเดินเรือชาวอังกฤษชื่อ แอนดริว บาเทลล์ ที่ไปสำรวจป่าในแองโกลา ได้รายงานการเห็นอสูรกายขนาดใหญ่ที่มีขนเต็มทั่วตัว ยกเว้นที่ใบหน้า กับมือ และสัตว์เหล่านี้ชอบนอนบนต้นไม้ โดยกินผลไม้เป็นอาหารหลัก
















แต่อีก 10 ปีต่อมา ซากศพแห้งของตัวกอริลลาเริ่มปรากฏในยุโรป และสังคมเริ่มต้องการจะรู้เกี่ยวกับชีวิตของกอริลลานี้มากขึ้น ยิ่งเมื่อชาร์ลส์ ดาร์วิน ตีพิมพ์หนังสือชื่อ On the Origin of Species ในปี ค.ศ. 1859 คนทั่วไปก็เริ่มกระหายจะเห็นกอริลลาตัวเป็น ๆ จึงมีการจับไปจัดแสดงที่สวนสัตว์ในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษเป็นครั้งแรก ซึี่่่งข่าวและเหตุการณ์นี้เป็นแรงบันดาลใจในการสร้างหนังเรื่อง " King Kong " ตามที่เรา ๆรู้จักกันดี
















 Grizzly Bear 


หมีอลาสก้า หรือหมีกริสลี่ ( Grizzly Bear ) มีน้ำหนักประมาณ 1 ตัน หากยืนด้วยสองขาหลังส่วนสูงของท่านพี่สูงถึงเกือบ 2 เมตรครึ่ง มีถิ่นที่อยู่ในแถบทวีปอเมริกาเหนือ แถบประเทศแคนาดาและอลาสก้า กินทั้งเนื้อและพืชผลไม้เป็นอาหาร แต่ส่วนใหญ่แล้วจะจับปลาแซลมอน ปลาเทราท์ และสัตว์ใหญ่อื่น ๆ  เช่น กวางมูส , แกะ , หมีดำ แม้กระทั่งมนุษย์ รวมถึงสัตว์เล็กและแมลงอื่น ๆ ด้วย บางครั้งก็หาเศษอาหารของมนุษย์ที่ไปตั้งแคมป์ตามป่าเขา หมีกริสลี่ต้องการอาหารมากในช่วงฤดูร้อน และใบไม้ร่วงเพื่อเตรียมตัวจำศีลในฤดูหนาว โดยขุดโพรงด้วยเล็บอันแหลมคม หมีกริสลี่เป็นหนึ่งในสองชนิดที่ใหญ่ที่สุด คือ " หมีขาวขั้วโลก ( Polar Bear )




มีสารคดีการถ่ายทำเรื่องราวของหมีกริสลี่ของชายหนุ่มคนนึง ชื่อ Timothy Treadwell กับหมีกริสลี่ที่เค้าหลงใหล ทิมเป็นนักแสดงและเขียนบทภาพยนต์ เขาผิดหวังจากการพลาดส่งบทหนังเรื่องหนึ่ง เขาเริ่มติดยา และติดมันอย่างหนัก จนครั้งหนึ่งต้องเข้ารับการรักษาเนื่องจากเสพเฮโรอีน และโคเคนเกินขนาด หลังจากออกจากโรงพยาบาลแล้ว ทิมได้ไปท่องเที่ยวยังดินแดนอลาสก้า และหลงรักสิ่งมีชีวิต " หมีกริสลี่ " ที่นั่นอย่างเต็มหัวใจ  หลังจากนั้นทิมใช้เวลาทุกๆหน้าร้อนเป็นระยะเวลาถึง 13 ปี ไปถ่ายทำภาพยนต์และสารคดีส่วนตัวกับหมีกริสลี่ที่เขตอนุรักษ์ในอลาสก้า




ทิมบอกกับใครๆว่า หมีกริสลี่พวกนี้ไว้ใจเค้า และให้การยอมรับเค้าแล้วสังเกตได้จากการที่มันยอมให้ทิมเข้าใกล้ บางครั้งถึงกับยอมให้สัมผัสตัวเลยด้วย ผู้คนจึงเรียกเขาว่า " Grizzly man " ซึ่งการเข้าใกล้หมีกริสลี่ของทิมสร้างความลำบากใจให้แก่เจ้าหน้าที่ดูแลเป็นอย่างมาก เนื่องจากเกรงว่าคนอื่นจะเลียนแบบและอาจเกิดอันตราย แต่ทิมก็ยังไปใช้ชีวิตที่นั่นอยู่ทุกๆหน้าร้อน และได้พาแฟนไปที่นั่นด้วย


และในวันที่ 5 เดือนตุลาคม 2003 ทิมกับแฟนไปเที่ยวที่นี่เหมือนเคย และกางเต้นท์ใกล้ๆกับธารน้ำที่หมีกริซลี่ใช้เป็นแหล่งอาหาร ทิมไม่ใช้รั้วไฟฟ้าล้อมรอบเต้นท์ที่พักเพื่อป้องกันหมีกริสลี่ต่อไปแล้ว ไม่มีเสปรย์สำหรับป้องกันตัวด้วย ช่วงนั้นเป็นช่วงที่หมีกริสลี่จะต้องกินอาหารเพื่อตุนสำหรับหน้าหนาว และในปีนั้นอาหารขาดแคลนมาก หมีที่หิวโหยได้บุกเข้าทำร้าย ทั้งสองคนถูกหมีกริสลี่จู่โจมในเต้นท์และกินพวกเขาทั้งเป็น  ส่วนหมีกริสลี่ที่กินเขาทั้งสองคนก็โดนตามล่าและถูกยิงตาย เรื่องของทิมได้ถูกสร้างเป็นภาพยนต์สารคดีในเวลาต่อมา


        

 Fennec fox 


หมาจิ้งจอกทะเลทราย ( Fennec fox ) มาจากภาษาอาหรับคำว่า fanak หมายถึง "หมาจิ้งจอก" เป็นหมาจิ้งจอกขนาดเล็ก ถือได้ว่าเป็นสัตว์ในวงศ์สุนัขที่มีขนาดเล็กที่สุดในโลก เมื่อโตเต็มที่แล้ว มีความยาวลำตัว 40 เซนติเมตร มีน้ำหนักเพียง 1.75 กิโลกรัม มีขนาดน้ำหนักตัวใกล้เคียงกับชิวาวาซึ่งเป็นสุนัขขนาดเล็ก มีจุดเด่นที่เห็นได้ชัดเจนคือ ใบหูที่ยาวมาก บางตัวอาจยาวได้ถึง 15 เซนติเมตร  มีถิ่นกระจายพันธุ์อยู่ทางตอนเหนือของทวีปแอฟริกา โดยอาศัยอยู่ในทะเลทราย มีพฤติกรรมรวมกันเป็นฝูงขนาดเล็กหากินในเวลากลางคืน อาหารหลักคือ แมลงชนิดต่าง ๆ ด้วยการขุดคุ้ยจากการฟังเสียงจากใบหูที่มีขนาดใหญ่ นอกจากนั้นแล้วยังสามารถกินสัตว์ที่มีขนาดเล็ก, ไข่นก และผลไม้ได้อีกด้วย ขนที่อุ้งเท้าจะหนาสำหรับใช้เดินบนพื้นทรายที่ร้อนระอุได้ ขนสีน้ำตาลเหมือนสีของทรายของช่วยให้อำพรางตัวได้ในทะเลทราย นอกจากนี้แล้วยังหนาต่างจากสัตว์ที่อยู่ในทะเลทรายจำพวกอื่น ๆ โดยขนจะทำหน้าที่สะท้อนความร้อนจากแสงแดดในเวลากลางวันออกไป ส่วนตอนกลางคืนก็ทำหน้าที่สะสมความอบอุ่นไว้เพื่อต่อสู้กับความหนาวเย็น



 Sloth 


สล๊อต ( Sloth ) เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนมขนาดกลางสายพันธ์โบราณ มีนิ้วที่มีเล็บยาวสามนิ้ว และชนิดสองนิ้ว ลักษณะคล้ายครึ่งหมีครึ่งชะนี แต่มันไม่ได้อยู่ในสายพันธ์เดียวกัน แขนของมันยาวกว่าขาถึง ๒ เท่า ตัวมันใหญ่กว่าชะนีเล็กน้อย หัวเล็กกลมไม่มีใบหู สมองน้อย สายตาและประสาทการได้ยินไม่ดี บรรพบุรุษของมันกำเนิดขึ้นในโลกเมื่อราว 60 ล้านปีก่อน หลังไดโนเสาร์สูญพันธุ์ไม่นาน

อาศัยอยู่ในทวีปอเมริกากลางและอเมริกาใต้  กินพืชและแมลงหรือสัตว์จำพวกตุ๊กแกขนาดเล็กเป็นอาหาร แต่อาหารส่วนใหญ่จะเป็นพวกต้นอ่อนของพืชจำพวก Cecropia มันมีการปรับตัวเป็นพิเศษเพื่อให้สามารถใช้ชีวิตอยู่บนต้นไม้ได้นานเป็นวัน สามารถนอนอืดได้ถึง ๒๐ ชม.ต่อวัน เพราะต้นพืชที่เขากินเข้าไปนั้นให้พลังงานน้อย จึงจำเป็นต้องรักษาพลังงานไว้โดยการอยู่เฉยๆ และเคลื่อนไหวอย่างช้าๆ  นอกจากการเคลื่อนตัวอย่างเชื่องช้าแล้ว มันยังมีแนวทางอนุรักษ์พลังงานอีกวิธี โดยช่วง กลางคืนมันจะลดอุณหภูมิในร่างกายลงถึง ๑๒ องศาเซลเซียส และช่วงเช้าหลังตื่นนอน มันต้องปีนขึ้นไปยอดไม้ เพื่ออาบแดดเพิ่มอุณหภูมิร่างกาย  เหมือนลักษณะของสัตว์เลื้อยคลาน ช่วงนอนอาบแดดบนยอดไม้นี้ถือเป็นช่วงอันตราย เพราะนกอินทรี
ขนาดใหญ่ เช่นอินทรีฮาร์ปี (Harpy Eagle) จะฉวยโอกาสนี้โฉบจับมันไปกินได้ นอกจากนิสัยที่เฉื่อยชาแล้ว ระบบร่างกายของเจ้า สล๊อตยังเฉื่อยชาด้วย มีอัตราเมทาบอลิซึมที่ต่ำมากเมื่อเทียบกับขนาดของร่างกาย คือการย่อยอาหารนั้นจะใช้เวลาเป็นเดือนกว่าจะย่อยเสร็จ


นอกจากนี้มันยังเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมชนิดเดียวในโลกที่มีขนปกคลุมตัวสีเขียว ขนหยาบรกรุงรังเหมือนใยมะพร้าวของมันมี เชื้อราและไลเคนอาศัยงอกงาม ขนสีเทาของมันกลายเป็นน้ำตาลอมเขียวขี้ม้าของคลอโรฟิลล์ กลมกลืนไปกับพุ่มไม้ ใบหญ้า นับเป็นการพรางตัวจากสัตว์ผู้ล่าได้เป็นอย่างดี นอกจากราแล้ว ในชั้นขนหนาของมันยังเป็นแหล่งขยายพันธุ์ของผีเสื้อกลางคืน , ด้วง และไรอีกมากมาย แมลงตัวเล็ก ๆ เหล่านี้กินราที่ขึ้นบนขนของมันเป็นอาหาร  

พฤติกรรมน่าประหลาดอีกอย่างของสล๊อตคือ มันจะป่ายปีนลงจากยอดไม้มาอึ และฉี่ที่โคนต้นไม้สัปดาห์ละครั้ง นั่นหมายความว่า มันจะต้องกลั้นอึกลั้นฉี่ไว้นานถึง ๑ สัปดาห์เต็ม ...การเก็บของเสียสะสมไว้ในร่างกายนานขนาดนี้ ทำให้การอึ-ฉี่แต่ละครั้ง น้ำหนักตัวมันหายไป ๑ ใน ๓ เลยทีเดียว  นักวิทยาศาสตร์พยายามหาคำตอบของข้อน่าสงสัยคือ ทำไมมันจึงไม่อึ-ฉี่จากยอดไม้  การลงมาขุดหลุมอึที่พื้นทำให้เสี่ยงต่อ การเป็นเหยื่อของเสือจากัวร์ โดยสมมิฐานว่ามันทำเช่นนั้นเพราะ ต้องการให้ปุ๋ยบำรุงต้นไม้ที่มันอาศัย เพราะโดยปรกติมันใช้เวลาส่วนใหญ่ชั่วชีวิตอยู่บนต้นไม้โปรดต้นเดียวของมัน การใส่ปุ๋ยรีไซเคิลสารอาหารกลับคืนสู่ต้นไม้โปรดทำให้ต้นไม้นั้นเจริญเติบโตได้ดีและแข็งแรง มีใบไม้รุ่นใหม่ให้มันสามารถกินได้ตลอดไป


           




ในปัจจุบันจำนวนของสล๊อตมีน้อยลงจนน่าเป็นห่วงต่อการสูญพันธ์ อย่างเช่นสล๊อตยักษ์สายพันธ์โบราณ Megatherium ซึ่งเป็นญาติของมัน ได้เคยอาศัยอยู่ในอเมริกาใต้และบางส่วนในอเมริกาเหนือพร้อมกับสัตว์ชนิดอื่นๆ อีกได้สูญพันธุ์ไปทันที เมื่อ 10,000 ปีก่อน หลังจากมีมนุษย์เดินทางเข้าไปในทวีปนั้น จากหลักฐานเชื่อว่าสาเหตุน่าจะมาจากการล่าสัตว์และการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศของการสิ้นสุดยุคน้ำแข็ง

 Lemur 


ลีเมอร์ ( Lemur) เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมในอันดับไพรเมตหรือลิง มีรูปร่างทั่วไปคล้ายกับลิง แต่ทว่ามีส่วนหัวคล้ายหมาจิ้งจอก คือ มีจมูกและปากแหลมยาว มีดวงตากลมโต ขนหนาฟู มีหางยาวเป็นพวงเหมือนกระรอก โดยลีเมอร์เป็นไพรเมตที่ถูกจัดอยู่ในกลุ่ม Prosimian (ซึ่งมีความหมายว่า "ก่อนลิง " ) รวมถึงลิงลม, กาลากอส และทาร์เซีย เพราะมีสายวิวัฒนาการที่ใกล้เคียงกัน  คำว่า "ลีเมอร์" แปลงมาจากคำว่า Lemures ในเทพโรมันหมายถึง "ดวงวิญญาณ, ผี หรือปีศาจ

ลีเมอร์มีขนาดเท่ากับแมว น้ำหนักตัวประมาณ 9 กิโลกรัม โดยที่ชนิดที่มีขนาดเล็กมีรูปร่างใกล้เคียงกับหนู มีการกระจายพันธุ์เฉพาะบนเกาะมาดากัสการ์ทางชายฝั่งแอฟริกาตะวันออกที่เดียวเท่านั้น เหตุเพราะสันนิษฐานว่า ที่เกาะแห่งนี้ห่างไกลจากแผ่นดินใหญ่ ทำให้สัตว์หลายชนิดมีการวิวัฒนาการเป็นของตัวเองโดยเฉพาะ และไม่มีสัตว์กินเนื้อขนาดใหญ่คอยคุกคาม โดยอาศัยอยู่ในป่าดิบ บนต้นไม้ใหญ่ หากินในเวลากลางวัน และนอนหลับในเวลากลางคืน โดยที่สันนิษฐานอีกว่า บรรพบุรุษของลีเมอร์ เดินทางมายังเกาะมาดากัสการ์ด้วยกอพรรณพืชหรือต้นไม้เมื่อ 60 ล้านปีก่อน โดยลีเมอร์ได้วิวัฒนาการตัวเองแยกมาเป็นชนิดต่าง ๆ จากถิ่นที่อยู่ที่แตกต่างกัน เนื่องด้วยสภาพแวดล้อมที่แตกต่าง อันเป็นผลจากการที่น้ำท่วมเกาะ ก่อให้เกิดเป็นเกาะแก่งต่าง ๆ มากมาย และลีเมอร์ชนิดต่าง ๆ ต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวและถูกจำกัดในเรื่องอาหาร จากพายุไซโคลนที่พัดถล่มในมหาสมุทรอินเดีย โดยเฉพาะชายฝั่งแอฟริกาตะวันออก โดยเชื่อว่าบรรพบุรุษของลีเมอร์นั้นแรกเริ่มมีขนาดเล็ก และอาจเกาะกับต้นไม้ลอยน้ำมาในรูปแบบของการจำศีล



ลีเมอร์มีพฤติกรรมอยู่รวมกันเป็นฝูง จุดเด่นอีกประการของลีเมอร์ คือ เสียงร้องที่หลากหลายและดังกึกก้องไปทั่ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเวลาออกหากินในยามพลบค่ำ ซึ่งอาหารของลีเมอร์ได้แก่ ใบไม้, ผลไม้, แมลง, ไข่นก และสัตว์ขนาดเล็กชนิดต่าง ๆ แตกต่างออกไปตามแต่ละชนิด ด้วยการใช้ขาหน้าที่เสมือนมือในการหยิบฉวย ขุดคุ้ย หยิบจับอาหารได้คล่องแคล่วเช่นเดียวกับสัตว์ประเภทอื่นในอันดับเดียวกัน หากแต่จะใช้หางในการเกาะเกี่ยวกับกิ่งไม้ไม่ได้


        


ลีเมอร์ในปัจจุบัน ได้รับการจำแนกแล้วประมาณ 100-103 ชนิดใน 5 วงศ์ และหลายชนิดและหลายวงศ์ก็ได้สูญพันธุ์ไปก่อนหน้านี้แล้ว โดยชนิดที่เป็นที่รู้จักกันเป็นอย่างดี ได้แก่ ลีเมอร์หางวงแหวน (Lemur catta) ที่มีส่วนหางเป็นลายปล้อง ๆ สลับขาว-ดำ, รัฟด์ลีเมอร์ (Varecia spp.) เป็นลีเมอร์ที่มีขนสีขาวรอบ ๆ ใบหน้าแลดูคล้ายเครา และอาย-อาย (Daubentonia madagascariensis) ซึ่งมีลำตัวสีดำ มีนิ้วมือที่ยาวใช้สำหรับเคาะหาแมลงหรือหนอนที่อยู่ใต้เปลือกไม้กินเป็นอาหาร ในเวลากลางคืน เป็นต้น

 Meerkat 


เมียร์แคต ( Meerkat ) เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดลำตัวเล็ก หนักประมาณ 1 กิโลกรัม สูง 50 ซม. จัดอยู่ในวงศ์พังพอน ( Herpestidae ) มีถิ่นอาศัยอยู่ในทะเลทรายคาลาฮารีทางตอนใต้ของทวีปแอฟริกา เมียร์แคตมีอุ้งเล็บที่มีลักษณะโค้งเพื่อใช้ในการขุด และมีจมูกไวมาก มีขนสั้นสีน้ำตาล มีขนเป็นแนวเส้นขนานพาดข้ามหลัง อาศัยและหาอาหารในโพรงดินที่ขุดขึ้น โดยอาหารได้แก่ แมลงชนิดต่าง ๆ รวมถึงสัตว์มีกระดูกสันหลังตัวเล็ก ๆ อีกด้วย อีกทั้งยังสู้และกินสัตว์มีพิษต่าง ๆ ได้อีกด้วย เช่น แมงป่อง ตะขาบ งูพิษ เป็นต้น

มีพฤติกรรมอยู่รวมกันเป็นฝูงใหญ่บางครั้งอาจมีสมาชิกถึง 30 ตัว และอยู่ร่วมกับสัตว์ขนาดเล็กชนิดอื่น ๆ เช่น กระรอกดิน ไม่ชอบอยู่กับที่ ชอบยืนชะเง้อคอ เพื่อตรวจดูและดมกลิ่นในบริเวณรอบ ๆ จะออกมารับแสงแดดในช่วงเวลาเช้าเพื่อให้ร่างกายอบอุ่น เมียร์แคตถือได้ว่าเป็นสัตว์มีประสาทสัมผัสและการระแวดระวังภัยที่ดีมาก โดยเฉพาะเรื่องการรับฟังเสียงจะสามารถได้ยินเสียงในรัศมีถึง 50 เมตร และจะอพยพย้ายที่อยู่เมื่อมีภัย ทั้งนี้โพรงของเมียร์แคตมีความลึกลงไปในใต้ดิน โพรงดินที่สร้างขึ้นสามารถเชื่อมต่อกัน ทำให้มีช่องทางเข้าออกมากขึ้นและช่วยให้มีทางหลบหนีเมื่อมีภัยมา

         


 Antelope 


แอนทิโลป ( Antelope ) เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมลักษณะคล้ายกวาง มีหลายชนิดหลายสกุล ถิ่นอาศัยในแอฟริกาและยูเรเชีย โดยที่จริงแล้วแอนทิโลปไม่ใช่กวาง แม้จะมีรูปร่างภายนอกคล้ายคลึงกันก็ตาม แต่แอนทิโลปเป็นสัตว์ที่มีความใกล้เคียงกับวัว หรือควาย , แพะ หรือแกะ เนื่องจากจัดอยู่ในวงศ์เดียวกัน ซึ่งลักษณะสำคัญของสัตว์ในวงศ์นี้ คือ เขามีลักษณะโค้งเป็นเกลียว แต่ข้างในกลวง และมีถุงน้ำดี  

      

คำว่า แอนทิโลป ปรากฏครั้งแรกในภาษาอังกฤษเมื่อปี ค.ศ. 1417 โดยได้รับมาจากภาษาฝรั่งเศสโบราณ หรืออาจจะมาจากภาษากรีกคำว่า "anthos" ซึ่งหมายถึง "ดอกไม้" และ "ops" ที่หมายถึง "ตา" อาจหมายถึง "ตาสวย" หรือแปลได้ว่า "สัตว์ที่มีขนตาสวย" 


แอนทิโลปมีประมาณ 90 ชนิด ส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในทวีปแอฟริกา มี 30 สกุล กระจายไปในวงศ์ย่อยต่าง ๆ เช่น Alcelaphinae, Antilopinae, Hippotraginae, Reduncinae, Cephalophinae, Bovinae รวมถึงอิมพาลา บางครั้งก็ถูกเรียกว่าแอนทิโลปบ้างเหมือนกัน

 Barbary sheep 

แกะภูเขา หรือแกะบาร์บารี ( Barbary sheep ) จัดอยู่เพียงชนิดเดียวในสกุล Ammotragus  มีลักษณะลำตัวมีขนแผงยาวนุ่มที่คอ หน้าอก และส่วนบนของขาหน้า มีเขาขนาดใหญ่โง้งยาวไปทางด้านหลังทั้งตัวผู้และตัวเมีย ลำตัวยาว 2 เมตร เมื่อโตเต็มที่จะสูงถึง 90 เซนติเมตร หางยาว 25 เซนติเมตร และหนักประมาณ 150 กิโลกรัม

มีถิ่นกำเนิดอยู่ในแถบภูเขาสูงชันและทะเลทรายในทวีปแอฟริกาตอนเหนือ เช่น ประเทศอียิปต์, แอลจีเรีย, ลิเบีย, ชาด, ซูดาน และตูนิเซีย มีอุปนิสัยอยู่ตามลำพัง หรือเป็นฝูงเล็ก ๆ เป็นครอบครัว มีสีขนออกสีน้ำตาล เพื่อประโยชน์เมื่อเวลาที่หลีกหนีศัตรู จะใช้การพรางตัวให้กลมกลืนกับทรายและหิน สามารถปีนป่ายตามเขาชัน ด้วยความเร็ว 15 ไมล์/ชั่วโมง และสามารถกระโจนข้ามซอกหินได้ถึง 6 เมตร กินหญ้า, ต้นไม้, ใบไม้, เปลือกไม้ เป็นอาหาร ได้น้ำจากอาหารและเลียน้ำค้าง  แกะภูเขาถูกล่าโดยมนุษย์เพื่อเอาเนื้อ, หนัง, ขน และเอ็น เพื่อใช้ประโยชน์ นอกจากนี้แล้วแกะภูเขาได้ถูกนำไปเผยแพร่กระจายพันธุ์ในทวีปอเมริกาเหนือและยุโรปใต้อีกด้วย

นอกจากสัตว์ต่าง ๆ จากหลายมุมโลกที่น่าสนใจอื่น ๆ อีก เช่น ช้างที่ส่งไปจากประเทศไทย , เสือ , สิงโตยีราฟ ฯลฯ. และยังมีโชว์การแสดงของที่น่าสนใจมาก ๆ ด้วย ...

 Free Flight Bird Show 

เป็นการแสดงความสามารถของนกชนิดต่าง ๆ ที่น่าสนใจหลากหลายพันธ์ ทั้งในออสเตรเลีย และนกอื่น ๆ จากทวีปต่าง ๆ โดยได้นำมาฝึกให้แสดงความสามารถ และบรรยายถึงลักษณะและการดำรงชีพของนกพันธุ์นั้น ๆ 

             

 Seal show 

เป็นการแสดงความสามารถของแมวน้ำ และสิงโตทะเลจากออสเตรเลีย , นิวซีแลนด์ และแคลิฟอร์เนีย โดยได้นำมาฝึกให้แสดงความสามารถต่าง ๆ สร้างความตื่นเต้น สนุกสนานแก่ผู้ที่เข้าชมอย่างมาก
















อ่านต่อ " 10. Blue Mountains + La Perouse + Perisher Blue " ครับ...
http://anutjack4.blogspot.com/2014/07/10-blue-mountainsla-perouseperisher-blue.html